มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม มพส

ข่าวสารและกิจกรรม

ข่าวทั่วไป

บทความ

บทความ

การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเอเซียเป็นไปอย่างรวดเร็ว
โดย ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ (ประธานที่ปรึกษา มพส.)

หลังจากที่ราคาหุ้นในตลาดต่างๆทั่วโลกได้ลดลงประมาณ 10-25% ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2549 ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ราคาหุ้นในเกือบทุกตลาดทั่วโลกก็ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และในปัจจุบันดัชนีราคาหุ้นในหลายตลาดก็อยู่ในระดับต่ำกว่าระดับสูงสุดของปีนี้เพียงเล็กน้อย กล่าวคือการลดลงของราคาหุ้นในตลาดต่างๆในเดือนพฤษภาคม 2549 ดูเหมือนว่าเป็นการลดลงชั่วคราวตามที่ผมได้คาดการณ์ไว้ในบทความลงวันที่ 14 มิถุนายน 2549

สาเหตุสำคัญที่ราคาหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นอีกครั้งก็คือ (1) การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกโดยทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ดี ดังจะเห็นได้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้ขึ้นเป็น 5.1% เทียบกับการขยายตัว 4.9% ในปี 2548 ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่การขยายตัวอ่อนแรงลงอย่างชัดเจน (2) อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาน่าจะถึงจุดสูงสุดแล้วและมีโอกาสที่จะลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินของญี่ปุ่นและสหพันธ์ยุโรปเป็นไปอย่างค่อนข้างช้า (3) ราคาน้ำมันเริ่มลดลง โดยเฉพาะในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบลดลงถึง 15%

เมื่อสองสัปดาห์มาแล้ว ผมได้ไปประชุมที่ฮ่องกงสองเรื่อง เรื่องแรกเกี่ยวกับไฟฟ้า และเรื่องที่สองเกี่ยวกับการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายประเทศในเอเซีย ฟังการบรรยายและการอภิปรายในที่ประชุมแล้ว ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมราคาหุ้นจึงเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วในหลายประเทศในเอเซีย เหตุผลที่สำคัญก็คือหลายประเทศยังมีการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับสูง อาจมีเพียงไทยและไต้หวันที่การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ต่ำกว่า 5% นอกจากนั้นในหลายประเทศยังมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจที่น่าตื้นเต้น มีเพียงประเทศไทยที่เป็นข้อยกเว้นเพราะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญไม่สามารถเดินหน้าได้ต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ประเทศอินเดียการเปลี่ยนแปลงบางเรื่องอาจล่าช้าเช่นการกระจายหุ้นของรัฐวิสาหกิจ แต่การปรับโครงสร้างกิจการให้มีการแข่งขัน รวมทั้งการสร้างกลไกในการบริหารงานสามารถเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งกำไรของธุรกิจต่างๆยังขยายตัวดี และมีความจำเป็นในการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมหาศาลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งทางด้านพลังงาน ถนน สนามบิน และแนวนโยบายของรัฐในการส่งเสริมการลงทุนของเอกชนก็มีความชัดเจนมากกว่าในกรณีของประเทศไทย

ประเทศฟิลิปปินส์ เรามักแต่ได้ยินเกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง ความพยายามในการปฏิวัติ การประท้วงขับไล่ประธานาธิบดี ฟังแล้วรู้สึกไม่แตกต่างกับประเทศไทย แต่ในบางเรื่องการบริหารเศรษฐกิจดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้ามากกว่าประเทศไทย เรื่องหนึ่งก็คือการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้า แม้ว่าจะมีเสียงบ่นมากแต่ก็เป็นการบ่นเกี่ยวกับรายละเอียดในการดำเนินการซึ่งเป็นเรื่องปรกติในประเทศใดก็ตามที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ข้อเท็จจริงก็คือรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ออกกฎหมายประกอบกิจการไฟฟ้ารวมทั้งจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระเรียบร้อยมานานแล้ว และตลาดซื้อขายไฟฟ้าได้เริ่มทำงานแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แม้ว่าผู้ใช้ไฟฟ้ายังไม่มีทางเลือกในการซื้อไฟฟ้า (Retail Competition) เพราะตลาดไฟฟ้าในปัจจุบันเป็นเพียงตลาดขายส่ง แต่ก็มีแผนและนโยบายที่ชัดเจนที่จะเปิดให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อไฟฟ้าในที่สุด ส่วนประเทศจีนนั้นมีแผนและนโยบายที่ชัดเจนในการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้ามานานแล้ว และครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว แผนการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของไทยก้าวหน้ากว่าจีน แต่ปัจจุบันเราอยู่หลังจีนหลายปี ผมได้มีโอกาสพบกับผู้บริหารของคณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้าของจีนหลายครั้ง (SERC) และทุกครั้งจะมีความรู้สึกชื่นชมในวิสัยทัศน์ของคณะกรรมการฯอย่างมาก แนวคิดและสิ่งที่ทำนั้นไม่แตกต่างกับในประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเคยถามว่าประเทศจีนมีแนวนโยบายอย่างไรในการให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีทางเลือกในการซื้อไฟฟ้า คำตอบคือในประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศ ประชาชนจะมีทางเลือกในการซื้อสาธารณูปโภคทุกชนิด

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศในเอเซียช่างแตกต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเหลือเกิน และแนวความคิดของผู้กำหนดนโยบายก็มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฟังแล้วจึงไม่แปลกใจว่าทำไมในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเมื่อตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว ตลาดไทยจึงฟื้นตัวช้ากว่า กล่าวคือตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนถึง 15 กันยายน 2549 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้นเพียง 8.0% ในขณะที่ตลาดอินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จีนและสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 26.6%, 18.1%, 17.0%, 13.0% และ 11.3% ตามลำดับ

ในขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยในระดับมหภาคดีขึ้นมากคืออัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็ว ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล อัตราดอกเบี้ยมีโอกาสลดลงปีหน้า และราคาน้ำมันลดลง แม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลง แต่ภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และการบริการสุขภาพ ยังขยายตัวดีมาก เพียงแต่รอคอยรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ และมีความสามารถในการปกครองประเทศที่จะเข้ามาปฏิรูประบบเศรษฐกิจไทยเท่านั้น

Copyright © 2011 Energy For Environment Foundation. All right reserved.
812/66 ซอยประชาชื่น 26 ถนนประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
โทรศัพท์ +66 2115 5895  E-mail : jutamas.efe@gmail.com