มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม มพส

ข่าวสารและกิจกรรม

ข่าวทั่วไป

บทความ

ข่าวทั่วไป

รุมจี้รัฐบาลชัดเจนนโยบายพลังงาน หวั่นกระทบเชื่อมั่น

          ปิยสวัสดิ์ แนะนโยบายพลังงานต้อง ชัดเจน-ต่อเนื่อง หวั่นกระทบเชื่อมั่นผู้ประกอบการและไม่สนองตอบนโยบาย ขณะที่เชลล์เผยได้รับผลกระทบ พลายพล ชี้โครงสร้างราคาส่งผลกระทบพลังงานทดแทน



          นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม เปิดเผยระหว่างการสัมมนาประจำปีของมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม ในหัวข้อ เดินหน้าพลังงานสู่ทิศทางที่ยั่งยืน ว่า ปัจจุบันการกำหนดนโยบายด้านพลังงานของประเทศ จำเป็นที่จะต้องคำนึงทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ปัจจัยภายใน ได้แก่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ประชาชน และภาคเอกชน ส่วนปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก แต่รัฐบาลต้องประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิด
 
          เขากล่าวว่า รัฐบาลต้องมีนโยบายด้านพลังงานที่ชัดเจนและต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงนโยบายไปมาบ่อยครั้ง จะทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ เช่น ผู้จำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ที่มียอดจำหน่ายลดลง ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปมาจะทำให้ผู้ประกอบการเกิดความไม่เชื่อมั่นใจและไม่ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลได้ในอนาคต
 
          จากข้อมูลขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่าในปีที่ผ่านมาทุกประเทศทั่วโลกมีการใช้เงินเพื่ออุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิล ได้แก่ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ให้มีราคาถูกกว่าปกติสูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นทุกปี และการอุดหนุนราคาพลังงานก็จะก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย และนำไปสู่การเกิดภาวะโลกร้อนเร็วยิ่งขึ้น
 
          หากจะสร้างการประหยัดพลังงาน นโยบายด้านราคาเป็นสิ่งที่สำคัญที่ซึ่งจะเป็นเครื่องมือของภาครัฐในการควบคุมการใช้พลังงานของประชาชนมีประสิทธิภาพ ถ้าราคาถูกเกินไปก็จะเกิดการใช้พลังงานอย่างไม่ประหยัด และการยกเลิกการอุดหนุนราคาพลังงานแต่ละชนิดก็ทำได้ยากเนื่องจากประชาชนต้องการใช้พลังงานราคาถูก ดังนั้นรัฐบาลควรหาทางให้ราคาพลังงานจะต้องสะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง ซึ่งจะส่งผลดีให้เกิดการประหยัดและไม่เป็นภาระต่อกองทุนน้ำมันฯ ด้วย นายปิยสวัสดิ์กล่าว
 
          นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาเชลล์พยายามที่จะดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมพลังงานทดแทนมาโดยตลอดและเป็นผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายก๊าซโซฮอล์เป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทย แต่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐที่ปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทำให้น้ำมันเบนซิน 91 ราคาเท่ากับราคาแก๊สโซฮอล์ 95
 
ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะสร้างส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันทั้งสองประเภท อย่างน้อยลิตรละ 1.40 บาทได้หรือไม่ เพราะแก๊สโซฮอล์ 95 เป็นน้ำมันประเภทเดียวที่ส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน นางพิศวรรณ กล่าว
 
          ด้านนายพลายพล คุ้มทรัพย์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า โครงสร้างราคาพลังงานของประเทศไทยยังมีปัญหาอยู่ 3 ประการ คือ1.ราคาต่ำเกินไป ได้แก่ ราคาดีเซล ก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจีซึ่งส่งผลให้เกิดการใช้อย่างไม่ประหยัด2.ราคาผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทแตกต่างกันมากเกินไป เช่นน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดีเซล และก๊าซธรรมชาติกับน้ำมัน ซึ่งทำให้คนหันไปใช้น้ำมันดีเซล และก๊าซธรรมชาติมากขึ้นเนื่องจากมีราคาต่ำกว่า3.ราคาของผลิตภัณฑ์ที่ห่างกันน้อยเกินไป เช่นกรณี ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 กับน้ำมันเบนซิน 91 ซึ่งส่งผลต่อการส่งเสริมนโยบายพลังงานทดแทนของประเทศ ปริมาณการใช้แก๊สโซฮอล์ที่ลดลง ส่งผลให้ผู้ผลิตเอทานอลได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันมีการผลิตเอทานอลวันละ 1.2 ล้านลิตร จากที่มีกำลังการผลิตวันละ 3 ล้านลิตร คิดเป็นสัดส่วน 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกพืชพลังงานอย่างแน่นอน
 
          นายทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ส่งสัญญาณในการทยอยปรับขึ้นราคาพลังงานให้สะท้อนราคาในตลาดโลกมากขึ้น ทั้งในเรื่องนโยบายการปรับโครงสร้างราคาพลังงานรวม และตั้งเป้าหมายใช้พลังงานทดแทนจาก 20% เป็น 25% และผลักดันการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี
 
          การปรับขึ้นราคาพลังงานจะทำควบคู่ไปกับการพัฒนาพลังงานทดแทน ซึ่งขณะนี้ กรมฯ ได้มีการวิจัยและพัฒนาพืชพลังงานใน 7 ประเภท ด้วยกัน เช่น การเพิ่มผลผลิตปาล์มน้ำมัน การผลิตน้ำมันจากสาหร่าย การผลิตน้ำมันจากสบู่ดำ เป็นต้น ซึ่งการส่งเสริมพืชพลังงานเหล่านี้เท่ากับกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนให้กับประเทศไทยในการส่งเสริมพลังงานทดแทนจากพืชพลังงาน นายทวารัฐกล่าว
 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
http://daily.bangkokbiznews.com/detail/25216

Copyright © 2011 Energy For Environment Foundation. All right reserved.
812/66 ซอยประชาชื่น 26 ถนนประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
โทรศัพท์ +66 2115 5895  E-mail : jutamas.efe@gmail.com