“ลพบุรี โซลาร์” เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ |
“ลพบุรีโซลาร์” เดินเครื่องเชิงพาณิชย์
นายสหัส ประทักษ์นุกูล ประธานกรรมการ บริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกาศความสำเร็จการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้า “ลพบุรี โซลาร์” นับเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย ด้วยเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของประเทศไทยที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับโลก และเป็นโครงการที่มีส่วนร่วมในการช่วยประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้มากกว่า 1.3 ล้านตัน ตลอดอายุการดำเนินโครงการ 25 ปี และช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงได้มากถึงปีละ 35,000 ต้น นอกจากนี้โครงการฯ ยังได้รับการรับรองการดำเนินโครงการภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาด ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจากความโดดเด่นในฐานะที่เป็นโครงการพลังงานสะอาดชั้นนำระดับโลก “ลพบุรี โซลาร์” ยังได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาด้วย
“เอ็กโก กรุ๊ป รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดชั้นนำระดับโลก ซึ่งการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักขององค์กรที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและรักษาความเป็นองค์กรชั้นนำที่ไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์พลังงาน...เพื่อชีวิต ตามวิสัยทัศน์ขององค์กร อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาพลังงานทดแทน และมีส่วนช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรมด้วย”
ด้านนายวรมน ขำขนิษฐ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ ลพบุรี โซลาร์เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2553 ซึ่งใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างจนถึงเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ราว 18 เดือน ดำเนินงานโดยผู้เชี่ยวชาญและทีมงานกว่า 1,400 คน คิดเป็นชั่วโมงการทำงานมากกว่า 4 ล้านชั่วโมง โดยไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
“สำหรับส่วนขยายเพิ่ม 11 เมกะวัตต์ (DC)/8 เมกะวัตต์ (AC) รวมเป็น 84 เมกะวัตต์ (DC)/63 เมกะวัตต์ (AC) อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2555 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ด้านพลังงานทดแทนบนพื้นที่ 760 ตารางเมตร เพื่อให้เป็นสถานที่เรียนรู้เรื่องแหล่งพลังงานธรรมชาติ รวมถึงการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืนในประเทศไทย โดยกำหนดเปิดให้สาธารณชนเข้าเยี่ยมชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในช่วงกลางปี 2555”
23 ธันวาคม 2554
หนังสือพิมพ์ บ้านเมือง
|